จากกรณีนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ปาห้วยแม่ปลาสร้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีสวัสดิ์ พบช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 5-10 ปี เสียชีวิตอยู่ที่บริเวณกลางลำห้วยที่แห้งขอดในพื้นที่ป่าห้วยแม่ปลาสร้อย ท้องที่หมู่ 5 บ้านโป่งหวาย ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ พิกัดที่ 47P 0518305E 1613985N เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ล่าสุดวันนี้ 8 พ.ค.67 นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)นายมานะ เพิ่มพูล ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าฯ ได้มอบหมายให้นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ สัตวแพทย์หญิง ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3(บ้านโป่ง) ร่วมกับ ร.ต.อ. ธรรม เข็มทอง รอง สว.(สอบสวน) สภ.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ตร.กก.5 บก.ปทส.)

 

ร่วมเดินทางไปผ่าชันสูตรซากช้างป่าตัวดังกล่าวเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุโลหะมาสแกนซากของช้าง เนื่องจากเกรงว่าช้างป่าอาจจะถูกยิงมา แต่จากการสแกนอย่างละเอียดแล้วไม่พบโลหะประเภทเครื่องกระสุนปืนแต่อย่างใด

 

จากการตรวจสอบพบบริเวณงวงมีร่องรอยบาดแผลเส้นผ่าศูนย์กลาง 10-15 เซนติเมตร ส่วนบริเวณหางพบขาดไปถึงตรงกลาง และบริเวณใบหน้า รวมทั้งเบ้าตา พบแผลขนาด 15-30 เซนติเมตร จึงสันนิษฐานได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากการต่อสู้กันในฝูงช้างป่าด้วยกัน ซึ่งลักษณะของซากช้างป่ามีลักษณะเน่าไปถึงอวัยวะภายใน จึงไม่สามารถเก็บตัวอย่างเพื่อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการได้ จึงจำเป็นต้องทำลายซากด้วยการฝัง โดยการนำรถแบ็กโฮ มาเคลื่อนย้ายซากช้างป่าออกจากลำห้วย แล้วนำไปขุดหลุมฝังซาก โรยด้วยปูนขาวในจุดที่ห่างไกลจากลำห้วย

 

ทั้งนี้นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ กล่าวว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าช้างตัวดังกล่าวเป็นช้างสีดอ ไม่มีงาทั้ง 2 ข้าง ความสูงวัดได้ 2.56 เมตร ความยาวของลำตัว 3.80 เมตร วงรอบเท้าหน้า 132 เซนติเมตร เท้าหลัง 123 เซนติเมตร จากสภาพที่ขึ้นอืด รวมทั้งการที่พบหนอนและแมลงวัน จึงสามารถบ่งบอกได้ว่าช้างป่าได้เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4-5 วัน