ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. วันที่19 เม.ย.67  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร ปฏิบัติการร่วมกับตำรวจชุดราชเดช จ.ชุมพร  และสุนัขดมกลิ่น ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.วิษณุ  สุระวดี  ผกก. สภ.สวี  ชุดตรวจค้นนำโดย  พ.ต.ท.ถิรเดช  แข็งแรง  รอง ผกก.สส.สภ.สวี , พ.ต.ท.เชิดชัย  ยิ่งสังข์ รอง ผกก.ป.สภ.สวี , พ.ต.ท.ชัยณรงค์  ราชรักษ์  สว.สส.สภ.สวี , พ.ต.ต.เจียรศักดิ์  ยินดี สวป.สภ.สวี ,นายบุญก้อง  ศรีสงคราม  ปลัดอำเภอสวี   นายธีรยุท  สมศรี กำนันตำบลวิสัยใต้ พร้อมพวก

       ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 26/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567  ทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 27 ม.10 ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร  เพื่อจับกุมนายสมชาย  หนูภักดี  อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.10 ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร  บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 76/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567 ในความผิดฐาน ยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควรในเมือง หมู่บ้านและทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยขู่เข็ญ   มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พยายามฆ่า  

         ผลการตรวจค้น ไม่พบตัวนายสมชาย  หนูภักดี ได้ร่วมกันทำการตรวจยึด เครื่องกระสุนปืน ขนาด.22 จำนวน 194 นัด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดปรากฏว่านายสมชายได้หลบหนีออกทางหน้าต่างข้างบ้านเดินถือปืนยาวหายไปในป่าหลังบ้านไปก่อนหน้านี้แล้ว   พร้อมทั้งได้กล่าวโทษนายสมชาย  หนูภักดี ในความผิดฐาน มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สวี

          จากเหตุการณ์ดังกล่าวล่าสุดวันที่ 25 เม.ย.67ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายมนตรี  พรมมาศ  อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/1 หมู่ 6 ตำบลวิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร  และนางสาวชญาภา  พรมมาศ  อายุ 30 ปี สองพ่อลูก ซึ่งเป็นญาติของผู้ต้องหาตามหมายจับและเป็นผู้เสียหาย  เล่าถึงสาเหตุก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปิดล้อมบ้านนายสมชายว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา  นายมนตรี  พร้อมภรรยาและลูกสาวเดินทางไปสวนปาล์มซึ่งต้องผ่านบ้านนายสมชายและเป็นที่ดินของตนเอง แต่รถไม่สามารถขับผ่านไปได้เพราะนายสมชายจอดรถยนต์กระบะขวางปิดถนน จึงลงจากรถเพื่อจะบอกให้นายสมชายเลื่อนรถออกแต่ระหว่างนั้น นายสมชายไม่พูดพล่ามทำเพลงยกปืนทำท่าจะยิงนางสาวชญาภาเห็นดังนั้นจึงวิ่งกระโดดหลบหลบเป็นจังหวะเดียวกับที่นายสมชายลั่นไกปืนลูกซองยาว 1 นัด แต่โชคดีที่ไม่โดนนางสาวชยาภาและคนอื่นๆ

         ต่อมานางสาวชญาภา จึงยกมือถือถ่ายคลิปทำให้นายสมชายไม่พอใจพร้อมตะโกนด่าด้วยคำหยาบคาย และบอกว่าจะยิงให้ตายเป็นกองเลย  หลังจากนั้นทั้งหมดได้ขับรถหนีตายออกมาโทรแจ้งตำรวจ ก่อนนำหลักฐานไปแจ้งความที่ สภ.สวี ต่อมาเมื่อวันที่ 19 เม.ย.กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับมาจับกุมตัวนายสมชายดังกล่าวแต่ไม่พบตัว

         ด้านนายมนตรี  เปิดเผยว่าตนไม่เคยทะเลาะกับนายสมชายเลยแม้เพียงครั้งเดียว  หรืออาจจะโกรธแค้นตนเรื่องแต่อดีตบ้านพักที่นายสมชายอยู่นั้นเป็นของมรดกตนที่ตกทอดให้นายสมชายอยู่อาศัยได้แต่อย่าทำอะไรเป็นการถาวรแต่นายสมชายไม่ฟังภายหลังมีการถมดินบริเวณรอบบ้านและสร้างโรงเพาะชำอีก ซึ่งมีการพูดห้ามอาจจะทำให้สมชายไม่พอใจในเรื่องนี้

         ทราบว่านายสมชายก่อเหตุกับชาวบ้านในตำบลหลายราย แต่ว่าไม่มีชาวบ้านไปแจ้งความ เพราะเจ้าหน้าที่จับแล้วปล่อยออกมาเหมือนเดิม ส่วนที่นายสมชายอ้างว่าตนมีบัตรคนบ้าหรือบัตรผู้ป่วยทางจิตนั้น ส่วนตนเองไม่เชื่อเพราะนายสมชายยังมีพฤติกรรมฉ้อโกงชาวบ้านดูแล้วยังมีสติดี

         นางสาวชญาภา  เล่าอีกว่า หลังเกิดเหตุทางครอบครัวไม่กล้าไปไหนมาไหนอยู่เฉพาะแถวบ้าน ส่วนในพื้นที่หมู่ 5 หมู่ 10 ไม่กล้าไป ขนาดเจ็บป่วยจะไปโรงพยาบาลรพ.สต.ก็ไม่กล้าไป เกรงอันตรายกลัวถูกดักจับตัว ที่บ้านมีเด็ก คนแก่ วอนให้ผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวอย่าสร้างความเดือดร้อนให้ใครอีกเพราะไม่เป็นผลดีกับตัวนายสมชายเอง ทราบว่านายสมชายติดตั้งวงจรปิดบริเวณหมู่ 5 และหมู่ 10 ตำบลวิสัยใต้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและถอดกล้องเหมือนกับเป็นตาสับปะรดให้กับตัวผู้ต้องหาด้วยซึ่งง่ายในการหลบหนีเจ้าหน้าที่”

            ทางด้านนายธีรยุท  สมศรี  กำนันตำบลวิสัยใต้  อ.สวี จ.ชุมพร  กล่าวหลังจากร่วมปฏิบัติการร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวนายสมชาย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหาพยายามฆ่าทราบว่าผู้ต้องหารายนี้มีการพูดจาข่มขู่จะฆ่ากำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน และปลัดอำเภอสวีด้วย ทำให้ต้องออกมาเปิดเผยพฤติกรรมนายสมชายผู้ต้องหารายนี้ว่า เหตุการณ์แรกที่นายสมชายก่อเหตุคือ รถเจ้าหน้าที่ป่าไม้โดนใช้มีดฟันรถได้รับความเสียหายขณะที่มีเจ้าหน้าที่อยู่ในรถจำนวน 4 คน แต่ไม่ทราบสามเหตุว่ามาจากเรื่องใด

       เหตุการณ์ที่ 2 ใช้มีดฟันรถรับซื้อกล้วยหอมในพื้นที่  เหตุการณ์ที่ 3 ใช้มีดดาบไล่ฟันเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตำรวจทางหลวงบนถนนสายเอเซีย 41ในเขตตำบลวิสัยใต้  เพื่อให้เลิกด่านอ้างชาวบ้านเดือดร้อน  หลังจากนั้นใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ใส่รถแมคโฮ รถหกล้อในพื้นที่  ยิงปืนใส่รถน้ำแข็ง นายธีรยุท กำนันกล่าวว่าถ้านายสมชายไม่พอใจจุดไหนจะใช้อาวุธปืนยิงขู่  และใช้อาวุธปืนลูกซองจ่อลำตัวของราษฎรในพื้นที่หมู่ 2 ด้วย

           โดยการก่อเหตุก่อนหน้านี้ชาวบ้านที่กระทำสามารถแจ้งความฐานความผิดเป็นคดีฆ่าได้หมดแต่ชาวบ้านไม่เอาความส่วนหนึ่งก็เป็นญาติพี่น้องของนายสมชายเอง จนก่อเหตุครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 เม.ย.จึงถูกแจ้งความพยายามฆ่าจนถูกออกหมายจับและตรวจค้นอาวุธ จนกระทั่งนายสมชายผู้ก่อเหตุพูดกับชาวบ้านว่า  “ถ้าเจอกำนัน  ผู้ใหญ่บ้านและปลัดอำเภอสวี จะยิงทันที”  อยากจะให้มอบตัวสู้คดี โดยพฤติกรรมนายสมชายเป็นบุคคลอันตราย แต่นายสมชายเป็นโรค ไบโพล่า มีอาการทางจิตแต่ช่วงหลังน่าจะขาดยา

        ส่วนนายสถาพร  ขาวพิมล  อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/1 หมู่ 2 ตำบลวิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร หนึ่งในผู้ที่ถูกนายชมชายใช้ปืนข่มขู่  เล่าว่า นายสมชายวานให้ตนต่อสายโทรศัพท์หา”ปลัดก้อง”  ปลัดอำเภอสวี แต่ตนไม่โทรต่อสายให้ทำให้นายสมชายไม่พอใจ ต่อมาเจอหน้ากันนายสมชายใช้ปืนลูกซองยาวจ่อที่บริเวณหน้าท้องพร้อมกับพูดขู่ว่า ยังมึงอีกคนยิงตายโหงให้หมด มีผู้ใหญ่เอ้  ป.ก้อง ก็จะยิงให้หมด” แต่ตนสังเกตุเห็นว่านายสมชายนอกจากมีลูกซองยาวแล้วยังพกปืนขนาด.38 ไว้ที่สะเอวด้วย ขณะใช้ปืนข่มขู่มีผู้หญิงอยู่บริเวณนั้นหลายคนบางคนฉี่แตกด้วย”สมชายนับว่าเป็นบุคคลอันตราย

         ยังมีชายบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนอีกคือครอบครัวของนายสมทรัพย์  หนองเทา  อายุ 31 ปีชาวบ้านหมู่ 10 ตำบลวิสัยใต้ พร้อมกับนางส่งเสริม  อายุ 55 ปี ผู้เป็นแม่ ผู้ประกอบการรับซื้อกล้วยหอมทอง   เล่าว่า ครอบครัวตนเคยถูกนายสมชาย ใช้มีดดาบฟันที่กระโปรงรถโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะจอดรถแวะซื้อแตงโมข้างทาง และไล่ฟันคนงาน แต่ทุกคนหนีรอด จึงไปแจ้งความ หลังจากนั้นเจอหน้ากันนายสมชายพูดข่มขู่ว่ามึงพาตำรวจจับกู ถ้าไม่อยากตายทั้งครอบครัวให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น โดยที่ไม่เคยบาดหมางมีปัญหากันมาก่อน”

       ขณะที่นางสาวบุญมี  พรามดี  อายุ 49 ปี อาชีพค้าขาย ซึ่งเป็นญาติของนายสมชาย  เล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมของนายสมชายว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานายสมชายไม่พอใจเกิดโมโหที่คนส่งน้ำแข็งไม่แวะส่งน้ำแข็งให้อ้างว่าน้ำแข็งหมด  วันหลังเจอคนส่งน้ำแข็งพูดข่มขู่ว่า  “เดี๋ยวมึงจะตายทั้งคนทั้งรถกูเผาให้หมด” หลังจากนั้นก็ยิงปืนขึ้นฟ้าประมาณ 3-4 นัด  และเอาปืนทุบรถ ขณะนั้นลูกค้าที่ร้านก็อยู่กันเยอะ จนปัจจุบันรถส่งน้ำแข็งไม่กล้าขึ้นมาส่งที่ร้านตนแล้วเพราะกลัวทางร้านก็ได้รับผลกระทบไปด้วยโดยไม่มีน้ำแข็งขาย   โดยนายสมชายมีศักดิ์เป็นอาเลี้ยงอยากให้อาเป็นคนดี อยากให้มอบตัวไม่อยากให้ทำร้ายผู้อื่น ตนเองก็รักอา” นางสาวบุญมี พูดจบร่ำให้สะอื้นน้ำตาไหล