เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



นายกฯ ชี้ยังไม่พอใจผลงาน 7 เดือน รับปรับตัวเยอะจากนักธุรกิจสู่วงการการเมือง


15 เม.ย. 2567, 14:58



นายกฯ ชี้ยังไม่พอใจผลงาน 7 เดือน รับปรับตัวเยอะจากนักธุรกิจสู่วงการการเมือง




วันนี้ ( 15 เม.ย.67 ) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดใจถึงการทำงาน 7 เดือนที่ผ่านมา ว่า ยังมีเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจเยอะ เพราะหลายปัญหาของประชาชนยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร ที่แม้จะดีแล้วแต่ยังทำให้ดีกว่านี้ได้อีก เรื่องการท่องเที่ยว จากข้อมูล ณ วันที่ 12 เมษายน 2567 ตัวเลขนักท่องเที่ยวสูงกว่าร้อยละ 140 ถือว่าดีมาก แต่ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19  ในปี 2562  ช่วงเดือนมกราคม- เมษายน ได้ประมาณร้อยละ 60 หากคิดเป็นร้อยละ 100 วันนี้เราได้ประมาณร้อยละ  90 มั่นใจสถิติคนมาเที่ยวไทย 39.4 ล้านคน สามารถดันตัวเลขให้สูงขึ้นได้ภายในสิ้นปีนี้ ทั้งการเปิดตลาด วีซ่าฟรี การอำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมืองกับนักท่องเที่ยว รวมถึงการจัดการปัญหาไกด์เถื่อน ไรเดอร์ถื่อน ทำให้การเดินทางเข้าประเทศสะดวกสบายมากขึ้น

ขณะที่เรื่องของกรมศุลกากรที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษี จากรายได้ของประเทศ ปีละประมาณ 3 ล้านล้านบาท กรมศุลกากรเป็นหนึ่งใน 3 กรมภาษีหลัก จัดเก็บภาษีได้ปีละ 1 แสนล้าน คิดเป็นร้อยละ 3 ของรายได้ประเทศ ถือว่าต่ำ เป็นกรมหลักในการควบคุมสินค้าเถื่อน แต่เป็นเรื่องแปลกที่มีคนมาวิ่งเต้นกับกรมศุลกากรมากที่สุด สวนทางกับการจัดเก็บรายได้ที่ได้แค่ร้อยละ 3 ถือเป็นเรื่องที่น่าสงสัย จึงเป็นที่มาของการพัฒนากรมศุลกากร ให้เป็นกรมศุลกากรที่มีความสะอาดบริสุทธิ์ ช่วยเหลือประชาชนได้จริงๆในหลายมิติ หรือเรื่องภาษีนำเข้าที่เป็นจุดรั่วไหลทำให้การจัดเก็บภาษีในประเทศไม่ดีเท่าที่ควร

สำหรับการทำงาน 7 เดือน ขอใช้คำว่า ยังไม่พึงพอใจแต่ก็ต้องพยายามต่อไป และทำให้ทุกอย่างดียิ่งขึ้นไป รวมไปถึงเรื่องของการดึงดูดนักลงทุน เรื่องการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ปัญหายาเสพติด พร้อมยอมรับว่า ต้องปรับตัวมากจริงๆ จากการเป็นธุรกิจสู่วงการการเมือง การเป็นซีอีโอของบริษัท มีผู้ร่วมงาน คนรอบตัวทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน สังคม เวลาบริหารจัดการต้องคำนึงถึงเสาหลักนี้  แต่เมื่อเป็นผู้บริหารบริษัทก็ได้รับการซัพพอร์ตเต็มที่จากคณะกรรมการและผู้ถือหุ้น แต่มาอยู่ในบริบทของนักการเมือง และเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มี 141 เสียงจาก 500 เสียง เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค และมีผู้ร่วมงานที่ต่างกัน ทั้งประชาชน สส. สว. สถาบันความมั่นคง  NGO สื่อมวลชน หลายภาคส่วนต้องการการพูดคุยและการอธิบาย ดังนั้น ขอใช้คำว่าหุ้นส่วนในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งแต่ละพรรค สส.แต่ละคน ก็ไปสัญญากับประชาชนแตกต่างกันไปบ้าง ดังนั้นการบริหารจัดการงบประมาณก็มีส่วนทำให้การขับเคลื่อนโครงการต่างๆช้าไปบ้าง แต่การทำงานร่วมกันมา 7 เดือน เชื่อว่ารู้ใจกัน ให้เกียรติกันและกัน เชื่อว่าการขับเคลื่อนและบริหารจัดการประเทศ และการช่วยเหลือประชาชนก็จะค่อยๆดีขึ้น 

ส่วนการเป็นนักธุรกิจแล้วมาเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมมีเพื่อนเป็นนักธุรกิจ และมีเรื่องการเอื้อประโยชน์ จะมีวิธีปกป้องตัวเองไม่ให้มีคนเข้ามาขอผลประโยชน์อย่างไรนั้น  นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หน้าที่ของตนเอง ไม่ไช่การเซฟตัวเอง เพราะที่เดินมาสู่การเมืองมีจุดมุ่งหมายเดียว คือการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนให้ดีขึ้นในทุกมิติ หากจะเซฟตัวเองไม่มีตรงนี้ ขอให้มั่นใจได้ว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอน ส่วนตัวมีความพร้อมแล้วทั้งทรัพย์สิน ชีวิตส่วนตัวที่ลงตัวแล้ว คนในครอบครัวมีความสุข มีหน้าที่การงานที่เหมาะสมแล้ว  ไม่มีการมาเอาผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งย้ำในวันแถลงนโยบายไปแล้วว่า 3 ปีครึ่งจากนี้ไป มีเรื่องดียวคือยกระดับชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น และหวังว่าจะทำให้เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ และมั่นใจในประสบการณ์ในวงการธุรกิจที่มีเยอะพอที่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เพื่อประชาชน

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เมื่อเข้ามาในเวทีการเมือง ก็อยากดูแลความเป็นอยู่ประชาชนให้ดีขึ้น เมื่อได้ประกาศว่าอุทิศตนแล้ว และบอกเพื่อนฝูงว่าเรื่องต่างๆที่จะมาขัดขวางในการทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น หรืออะไรที่กระทบกับสภาพจิตใจ การถูกเอาเปรียบ จากผู้ที่ทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนทั้งหลาย หากเพื่อนตนเองทำตัวแบบนั้นก็พร้อมที่จะเสียเพื่อน หากอีก 3 ปีครึ่งต้องมีเพื่อนน้อยลงแลกกับการทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้นก็พร้อม

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงมุมมองทางการเมืองหลังเข้าสู่วงการการเมือง หลายคนอาจบอกว่านักการเมืองมีทั้งดีและเลวนั้นก็ยอมรับ บางเรื่องเป็นเรื่องของความเห็นต่าง หรือวิธีการดูแลประชาชนที่แตกต่างกัน ดังนั้น การที่จะต้องปรับเข้าหากัน ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน แต่อะไรที่จะมาขอผลประโยชน์ มองว่าดูถูกตนเองไปนิดหนึ่ง ตรงนี้ขออย่าทำ การจะลงทุนอะไรต้องเปรียบเทียบผลประโยชน์ แต่ละพรรคการเมือง สส.แต่ละคน ก็มีความประสงค์จะใช้งบประมาณดูแลประชาชน ซึ่งการจะมาขออะไรก็ขอให้อยู่บนบรรทัดฐานที่เหมาะสม ดังนั้น รัฐบาลก็ต้องรับฟัง









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.