วันนี้ ( 11 มี.ค.67 ) นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ทำการขยายผลการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ออกลาดตระเวนสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ตามแนวชายแดน เพื่อกดดันกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมายอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ออกเดินลาดตระเวนบริเวณตะเข็บชายแดนไทย - เมียนมา บ้านปายสองแง่ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จนพบวัตถุต้องสงสัยเป็นยาเสพติดจึงได้เข้าทำการตรวจสอบ โดยเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 67 ทางเจ้าหน้าที่พบยาบ้า จำนวน 37 กระสอบ ประมาณ 7 ล้านเม็ด และไอซ์ 100 กิโลกรัม จากนั้นจึงได้เข้าลาดตระเวนต่อ จนเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 67 พบยาบ้าเพิ่มอีก 8 กระสอบ ประมาณ 1.2 ล้านเม็ด ไอซ์อีก 35 กิโลกรัม โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพบของกลางยาบ้าเพิ่มอีกกว่า 2.932 ล้านเม็ด และไอซ์อีก 6.8 กิโลกรัม ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน รวม 3 วันที่ผ่านมา สามารถยึดของกลางยาบ้าแล้วกว่า 11 ล้านเม็ด และไอซ์ รวม 141 กิโลกรัม

นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอปาย นำโดยนายเอนก ปันทะยม นายอำเภอปาย ได้สนธิกำลังปลัดอำเภอสมาชิกกองร้อย อส.อ.ปาย ที่ 4 ร่วมกับกองร้อยทหารราบ 723 หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท สภ.ปาย และ ตชด.336 ออกลาดตระเวนสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ตามแนวชายแดน เพื่อกดดันกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมายอีกครั้ง จนเมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 14.30 น. ได้ตรวจพบยาเสพติดซ่อนพรางอยู่ในพื้นที่บ้านปายสองแง่ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอปาย และสามารถยึดได้ของกลางเพิ่มอีกจำนวน 18 กระสอบ แบ่งเป็นยาบ้า 2.932 ล้านเม็ด และไอซ์ 6.8 กิโลกรัม ไม่พบผู้กระทำความผิด โดยได้รับแจ้งจากสายลับว่ายาเสพติดทั้งหมดได้ถูกนำเข้ามาล็อตเดียวกันจำนวน 12 ล้านเม็ด แต่ถูกแยกซุกซ่อนไว้คนละจุด ชุดปฏิบัติการจึงเข้าไปดำเนินการ นำมาซึ่งการตรวจยึดยาบ้า และไอซ์ดังกล่าว 

"จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้นำนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในการพุ่งเป้า Re X-ray พื้นที่ในทุกอำเภออย่างต่อเนื่อง เพื่อกวาดล้างยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย พร้อมได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองยกระดับความเข้มข้นในการลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณแนวชายแดนและช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย นอกจากนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้บูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มความเข้มข้นเสาะหายาเสพติดที่อาจถูกซุกซ่อนอยู่ พร้อมขยายผลนำไปสู่การตัดวงจรยาเสพติด เพื่อให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย เกิดสวัสดิภาพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เป็นสังคมที่น่าอยู่ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนมีเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และการกระทำความผิดทุกประเภท หรือเหตุสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ขอให้แจ้งมายังสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง" นายเชษฐาฯ กล่าวทิ้งท้าย