วันนี้ (22 ก.พ.67) ผุ้สื่อข่าวรายงาน เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ส.อ.เอกพันธ์ ลายกิ่ง หน.กู้ภัยส่งเสริมธรรม จุดบริการหนองหาน รับแจ้งจากลูกข่ายกู้ภัย แจ้งว่า พบสองผัวเมียพิการอยู่ตรงสี่แยกไฟแดง อ.หนองหาน  สอบถามเบื้องต้นทราบว่า ผัวเข็นเมียนั่งรถวีลแชร์จะพาเมียพิการจากบ้านโนนม่วงหวาน ต.คำเลาะ อ.ไชยวาน จะกลับบ้านที่ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี โดยเดินทางจากบ้านโนนม่วงหวานตั้งแต่ตีสองต มาถึงสี่แยกไฟแดง 1 ทุ่มเมื่อวานนี้ โดยทราบชื่อนายสำรอง ผลาฤทธิ์ อายุ 43 ปี พิการขาไม่แข็งแรงเดินกะเผลก และน.ส.วรรณา เกาะคู อายุ 52 ปีภรรยาที่พิการนั่งรถวีลแชร์เดินไม่ได้

นายสำรอง บอกกับกู้ภัยว่า ตนเองบ้านอยู่บ้านโนนม่วงหวาน ได้กลับบ้านเพื่อมาทำบัตรคนพิการ ตอนมาก็มีเงิน แต่พอกลับบ้านภรรยาที่จ.สุพรรณบุรีเงินหมด และญาติๆ ก็ไม่มีเงิน จึงเข็นเมียที่นั่งรถวีลแชร์มาตามถนนเรื่อยๆ  เพื่อจะกลับบ้านที่จ.สุพรรณบุรี จนมาเจอกู้ภัยช่วยที่สี่แยกไฟแดงอ.หนองหาน และอาสาพาไปส่งที่สถานีรถไฟที่จ.อุดรธานี ก็ขอบคุณกู้ภัยและส.ส.กรวีร์ที่ช่วยค่ารถไฟกลับบ้านภรรยาที่จ.สุพรรณบุรี

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับส.อ.เอกพันธ์ ลายกิ่ง หน.กู้ภัยส่งเสริมธรรม จุดบริการหนองหาน บอกว่า ช่วงเย็นวานนี้ลูกข่ายกุ้ภัยแจ้งมาว่า พบคนพิการสองผัวเมียอยู่สี่แยกไฟแดง จึงรีบเดินทางไปดู สอบถามเบื้องต้นทั้งสองคนบอกว่า จะกลับบ้านที่ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ตกใจมาก มาได้ไง ผัวก็พิการเข็นเมียพิการจะกลับบ้านที่จ.สุพรรณบุรีกว่าจะถึงบ้านใช้เวลานานมาก ระยะทางกว่า 700 กม. ต่อมา นายกรวีร์ สาราคำ ส.ส.เบริ์ด ส.ส.เขต 5 จ.อุดรธานี ทราบเรื่องจึงช่วยค่าเดินทางจำนวน 3,000 บาทให้ตนเองพาสองผัวเมียพิการไปส่งที่สถานีรถไฟ ซื้อตั๋วนอนพิเศษให้และค่ารถตู้ เพื่อไปลงสระบุรีแล้วนั่งรถตู้ต่อไปที่บ้านเกิดสุพรรณบุรีต่อไป

เห็นแล้วก็น่าสงสาร ผัวก็พิการ เมียก็เดินไม่ได้ ให้ผัวเข็นรถวีลแชร์จะกลับบ้านที่จ.สุพรรณบุรี เขาบอกว่าเข็นเมียออกจากบ้านในอ.ไชยวานตั้งแต่ตี 2 มาถึงแยกไฟแดง 1 ทุ่มพอดี ไม่มีเงินจะเข็นไปแบบนี้กว่าจะถึงบ้านภรรยาที่สุพรรณบุรีหลายเดือนแน่ น้ำใจกู้ภัยเราไม่ทิ้งกัน จึงอาสาไปส่งที่สถานีรถไฟและได้รับความอนุเคราะห์จากส.ส.เบิร์ด ช่วยค่าตั๋วรถไฟและเงินติดตัว ตอนนี้น่าจะถึงบ้านที่สุพรรณบุรีเรียบร้อยแล้ว ส.อ.เอกพันธ์กล่าวตอนท้าย