นายกฯ ปลื้ม! แนวโน้มความก้าวหน้าการขับเคลื่อน SDGs เป็นไปได้ในระดับสูง ยืนยัน! ไทยพร้อมสนับสนุนความร่วมมือ
13 ก.พ. 2567, 08:40

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับทราบการเผยแพร่รายงานประจำปี 2566 (Annual Results Report 2023) ขององค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UN Country Team Thailand) และชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ที่ร่วมกันทำงานจนทำให้ไทยมีแนวโน้มความก้าวหน้าการขับเคลื่อน SDGs เป็นไปได้ในระดับสูง ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทยและกระทรวงมหาดไทยในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ใน 76 จังหวัด อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม และเป็นรูปธรรม ตามการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) "76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อความเท่าเทียมและการพัฒนาที่ยั่งยืน"
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า โดยรายงานฯ ประจำปี 2566 (https://thailand.un.org/en/259712-2023-un-thailand-annual-results-report) สะท้อนให้เห็นถึงกลไกการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ที่เน้นการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทั้ง 76 จังหวัด เช่น สมาคมแม่บ้านมหาดไทย ในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) และเน้นการพัฒนาแผนการดำเนินการของ SDGs ในระดับย่อย โดยสนับสนุนให้ประชาชนในระดับครัวเรือน 14 ล้านครัวเรือนมีถังขยะเปียกลดโลกร้อนและสามารถจัดการคัดแยกขยะที่ต้นทาง ส่งผลให้ไทยสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 550,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และเทียบเท่ากับเครดิตคาร์บอนที่องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ให้การรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิตของการดำเนินงานดังกล่าว นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ธนาคาร และภาคเอกชนรับซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อให้เกิดรายได้กลับคืนสู่ท้องถิ่นสำหรับการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและขยายผลสู่การขับเคลื่อนธนาคารขยะ (Recyclable Waste Bank) ใน 76 จังหวัดที่ส่งเสริมอัตราการนำขยะรีไซเคิล กลับไปใช้ใหม่ (Recycling Rate) เช่น กระดาษ พลาสติก อลูมิเนียม เป็นต้น
นอกจากนี้ รายงานประจำปี 2566 ยังกล่าวถึงการขับเคลื่อนการทำงานด้านมนุษยธรรมเพื่อปรับปรุงข้อมูลของผู้ลี้ภัยและยืนยันสิทธิประชากรที่สามารถเข้าร่วมโครงการการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานในอนาคตสำหรับผู้ลี้ภัยในบริเวณพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยจากการสู้รบจากเมียนมา 9 แห่ง นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเอกชนในการมอบโอกาสทางการศึกษาในระดับปริญญาตรีให้กับผู้ลี้ภัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราว 6 แห่งในปี 2566 อีกด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า องค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทยได้กล่าวยกย่องพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ได้พระราชทานพระดำริ "แฟชั่นยั่งยืน (Sustainable Fashion)" ที่ส่งเสริมการใช้สีที่ย้อมจากธรรมชาติและผสมผสานการใช้ลวดลายผ้าพระราชทานกับลวดลายดั้งเดิม ให้กับช่างทอผ้าสตรีจากทั่วประเทศจำนวน 2,000,000 ราย ซึ่งเมื่อประเมินค่าปริมาณก๊าชเรือนกระจกที่ปล่อยออกมา (Carbon footprint) จากผลิตภัณฑ์ผืนผ้าไทยที่น้อมนำพระดำริสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม พบว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวงจรการผลิตลดลง ซึ่งยกระดับให้ผ้าไทยให้รับการยอมรับในระดับสากล สามารถแข่งขันได้สูงขึ้นในตลาดโลก และเพิ่มรายได้ให้ช่างทอผ้าสตรี นอกจากนี้ยังทำให้คนรุ่นใหม่สามารถยอมรับการปฏิบัติที่ยั่งยืนภายใต้ห่วงโซ่คุณค่าของสิ่งทอหมุนเวียนที่ยั่งยืน (Sustainable and circular textile value chain) เพิ่มขึ้นใขณะเดียวกัน
“นายกรัฐมนตรีตระหนักและสนับสนุนการบูรณาการความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน ในการขับเคลื่อน SDGs ในทุกมิติ ทุกพื้นที่ และทุกเวลา อย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุม Action Now เพื่อยกระดับ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนไทย และเพื่อต่อสู้กับความท้าทายของโลกให้ดียิ่งขึ้น” นายชัย กล่าว