วันนี้ ( 11 ม.ค.67 ) เวลา 13.15 น. ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวถึงเรื่องกการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ว่า กระทรวงคมนาคมที่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ทั้งขนส่งทางรางและทางบก แบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกคือถนนเชียงใหม่ แบ่งเป็นสามวงแหวน วงแหวนหนึ่งสร้างมานานแล้วแต่ยังไม่ครบ ขาดแค่ช่วงหนึ่งที่ไม่เยอะ กระทรวงคมนาคมก็มีแผนงานที่จะทำให้ครบโดยเร็ว ซึ่งเหลือพื้นที่ไม่กี่กิโลเมตร เพียงแต่ต้องการการประสานงานระหว่างรัฐบาลกับกองทัพอากาศ โดยตนเองจะกลับไปพูดคุยกับกองทัพอากาศ โดยขอร้องให้ผู้บัญชาการทหารอากาศ ประสานทำการจราจรทางอากาศให้ครบ เพื่อลดการจราจรที่ติดขัดทางอากาศทางอากาศ ขณะเดียวกันก็จะทำให้ฝุ่น PM 2.5 ลดลงด้วย สำหรับวงแหวนส่วนที่สอง เป็นการยกระดับเหนือชลประทาน และวงแหวนส่วนสามจะทำให้การจราจรสะดวกขึ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ควบคู่กันไปจะมีการทำเรื่องของรถไฟฟ้า ตรงนี้สำคัญมาก เพราะเราทราบกันดี นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเชียงใหม่จำนวนมาก และเมื่อเวลานักท่องเที่ยวมาการจราจรอาจจะติดขัด ฉะนั้นหากมีรถไฟฟ้าเหมือนในกรุงเทพ เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าทุกอย่างสะดวกสบายขึ้น ดังนั้น หากมีรถไฟฟ้าในเชียงใหม่ก็จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวสะดวกสบายมากขึ้น และเมื่อวงแหวนครบลูป ก็จะทำเรื่องของรถไฟฟ้า เพราะระหว่างการทำรถไฟฟ้าการจราจรก็จะไม่ติดขัดเนื่องจากสามวงแหวนได้เสร็จแล้ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง เรื่องการปรับปรุงท่าอากาศยาน ที่จะเริ่มต้นภายในปีนี้โดยมีการขยายพื้นที่ตกแต่งใหม่ให้ทันสมัย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้หลาย 10 ล้านคนว่า ตรงนี้เป็นอะไรที่เราสามารถทำได้เลย ส่วนระยะยาวจะมีการสร้างสนามบินแห่งใหม่นั้น อยู่ระหว่างการสำรวจ ซึ่งจะทำให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นหนึ่งในฮับการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดี

“เมืองใหญ่รถไฟฟ้ามีนัยยะเพราะเชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่ ติด 10 อุตสาหกรรมของประเทศ ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรม ผมเชื่อว่าเมืองใหญ่ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเยอะขนาดนี้ถ้าไม่มีรถไฟฟ้าไม่ได้ ผมคิดว่าต้องมี จะช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายความแออัดในเมืองออกไปชานเมืองได้ สำคัญกว่านั้นอากาศสะอาดเพราะไม่ได้ใช้รถยนต์ และเป็นการใช้มากขึ้นซึ่งถือเป็นการส่งเสริมนโยบายของรัฐบาลลดค่าฝุ่น 2.5” นายกฯ ย้ำ