เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทาราม" ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา กักขัง "สามเณร" ในกุฏิ-บังคับให้ช่วยสำเร็จความใคร่ ศาลสั่ง!! ไม่ให้ประกันตัว


17 ต.ค. 2562, 17:14



"อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทาราม" ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา กักขัง "สามเณร" ในกุฏิ-บังคับให้ช่วยสำเร็จความใคร่ ศาลสั่ง!! ไม่ให้ประกันตัว




ความคืบหน้ากรณีพ่อของสามเณรนัท นามสมมติ อายุ 13 ปี พาสามเณรเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ว่าลูกชายของตน ถูก พระครูสังฆรักษ์วินัย อินทวินโย เจ้าอาวาสวัดอินทาราม หรือวัดหนองขาว กักขังตัวไว้ในกุฏิ พร้อมบังคับให้สามเณรบีบนวดและช่วยจนสำเร็จความใคร่นานนับเดือน หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวสามเณรไปสอบถามข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ขณะที่ทางเจ้าคณะอำเภอท่าม่วง ได้ตั้งคณะกรรมการสงฆ์ขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่า เมื่อช่วงเช้าของวานนี้ (16 ต.ค. 62) เจ้าอาวาสวัดอินทาราม กลับไม่อยู่ที่วัดตามที่

หลังคณะกรรมการสงฆ์ได้นัดสอบข้อมูลไว้ กระทั่งเย็นวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับไปเชิญตัว พระครูสังฆรักษ์วินัย อินทวินโย เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ก่อนจะนำตัวไปลาสิกขาที่วังขนายทายิการาม ต.วังขนาย อ.ท่าม่วง แต่เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ดื้อแพ่ง ไม่ยอมกล่าวคำลาสิขาบท ขณะที่ทาง พระครูกาญจนสุตาคม เจ้าอาวาสวัดวังขนายทายิการาม และเป็นเจ้าคณะอำเภอ ได้นำผ้าขาวมาให้ห่ม ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาสอบสวนต่อที่ สภ.หนองขาว นั้น

 

วันนี้ 17 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พ.ต.อ.สุวิทย์ ห่วงทอง ผกก.สภ.หนองขาว ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.นัฐพงศ์ เอกเผ่าพันธุ์ รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.หนองขาว พ.ต.ท.ชาติชาย กาญจนภูษิต สารวัตร (สอบสวน) สภ.หนองขาว ร.ต.อ.พิชิต กาญจนประกอบ รองสารวัตรสืบสวน สภ.หนองขาว ร.ต.อ.สมหมาย พุกนิลฉาย รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.หนองขาว พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กาญจนบุรี ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นกุฏิอดีตเจ้าอาวาส หรือ นายวินัย ฟักเขียว ที่วัดอินทาราม หมู่ 1 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในคดีและที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด โดยมี นายวินัย หรืออดีตเจ้าอาวาส ยินยอมพร้อมนำตรวจสอบในครั้งนี้ด้วย จากการตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ทั้งนี้สังเกตเห็นว่า กล้องวงจรปิดบางตัวได้หายไป โดยเฉพาะบริเวณหน้าห้องน้ำ ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงได้นำเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบเพื่อหาหลักฐาน

โดย พ.ต.อ.สุวิทย์ ห่วงทอง ผกก.สภ.หนองขาว เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีดังกล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับอดีตเจ้าอาวาสแล้ว และเมื่อดูจากอายุของสามเณรผู้เสียหาย ปรากฏว่า การกระทำผิดแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา จึงได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ 1.กระทำชำเราและอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และ 2.กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งจนถึงขณะนี้ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ในคดีเบื้องต้นเราได้สอบปากคำไปแล้วด้วยกัน 6 ปาก ซึ่งปากที่สำคัญที่สุดคือ ปากสามเณรผู้เสียหาย โดยมีพยานปากอื่นมาประกอบ ในส่วนของหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางพนักงานสอบสวนจะได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานมาประกอบในสำนวน เพื่อสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาฟ้องศาลต่อไป อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงบ่ายนี้ทางพนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาล ขณะที่พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง และเป็นที่น่าสนใจ เพราะกระทบต่อสังคม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะให้ประกันหรือไม่

ขณะที่ นายสมศักดิ์ สำมะโน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า กรณีที่เกิดขึ้นแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่หนึ่งเป็นเรื่องงานทางการปกครองของคณะสงฆ์ ซึ่งเจ้าคณะผู้ปกครองได้ให้พระรูปดังกล่าวลาสิขาไปแล้ว ส่วนที่สองเป็นเรื่องของคดีความ ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวโทษก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายไป

เนื่องจากกระบวนการตรงนี้มีการรวบรัดดำเนินการไปพร้อมกันระหว่างกระบวนการทางคณะสงฆ์และกระบวนการของฝ่ายบ้านเมือง เมื่อดำเนินการไปพร้อมกันก็ถือว่าขั้นตอนทางด้านการปกครองคณะสงฆ์ โดยเจ้าคณะอำเภอ ซึ่งท่านมีอำนาจทางการปกครองในการที่จะกำกับดูแลพระภิกษุสงฆ์ในปกครองของท่านให้ประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเมื่อท่านพิจารณาเห็นว่าพระภิกษุสงฆ์รูปดังกล่าวได้ประพฤติปฏิบัติไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัย เป็นเหตุให้ต้องพ้นจากความเป็นสงฆ์ ขณะนี้ถือว่าท่านได้พิจารณาในเรื่องดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้การพ้นจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ จะพ้นได้ 2 ลักษณะใหญ่ คือ 1. การพ้นด้วยเหตุของการกระทำผิดพระธรรมวินัย 2. การพ้นด้วยการกระทำผิดกฎหมายอาญา ซึ่งในส่วนของพระรูปดังกล่าวมีพฤติกรรมบังคับให้สามเณรอมนกเขา จึงถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นปาราชิกหนัก ซึ่งการเสพเมถุน ถือเป็นการปาราชิกหนักที่ทำให้พระรูปนั้นพ้นจากความเป็นสงฆ์ ดังนั้นการล่วงละเมิดทางเพศในลักษณะดังกล่าว จึงถือว่าพระสงฆ์รูปนั้นได้พ้นจากความเป็นสงฆ์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปล่งวาจา

โดยเมื่อพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง จึงถือว่าท่านพ้นจากความเป็นสงฆ์ไปแล้วตั้งแต่กระทำผิดวินัยสงฆ์ตอนนั้นแล้ว ซึ่งสามเณรได้ให้ข้อเท็จจริงกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ซึ่งปรากฏชัดเจนว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ก็ถือว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำผิดพระธรรมวินัย เป็นปาราชิกหนัก ในข้อที่ 1. ว่าด้วยการเสพเมถุน ซึ่งเป็นเรื่องของทางคณะสงฆ์ในการร่วมกันพิจารณา โดยทางเจ้าคณะผู้ปกครองท่านคงได้ใช้ดุลยพินิจและได้ใช้วิธีการที่แยบยลในการที่จะได้มาซึ่งข้อมูลทั้งหมด ท่านจึงตัดสินใจให้พระรูปนั้นลาสิกขา อย่างไรก็ตามถือว่าเจ้าคณะผู้ปกครองท่านได้ใช้ความละเอียดรอบครอบในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว

ส่วนการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดรูปใหม่นั้น เป็นเรื่องของเจ้าคณะผู้ปกครองที่จะพิจารณาดำเนินการตามการปกครองของสงฆ์ ซึ่งการที่จะแต่งตั้งพระรูปใดนั้นก็แล้วแต่ทางคณะผู้ปกครองจะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป

ด้าน นายคำนึง มูลทรัพย์ อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 10 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี คนสนิทอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งมาสังเกตการณ์การเข้าตรวจค้นกุฏิของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยนั้น กล่าวว่า อยากให้ฟังหลวงพ่อชี้แจงบ้าง ขณะที่เกิดเหตุภายในโบสถ์ก็มีพระรูปอื่นอยู่ด้วย ดังนั้นควรจะเชิญพระไปสอบถามข้อเท็จจริง สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเหมือนเป็นการมัดมือชก ซึ่งทางญาติพี่น้องของหลวงพ่อก็อยากให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด ซึ่งส่วนตัวไม่เชื่อคำให้การของพระลูกวัดและสามเณรที่ออกมาให้สัมภาษณ์ แต่เชื่อว่าเป็นการจัดฉากขึ้นมา และมีผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพื่อใส่ร้ายอดีตเจ้าอาวาส เพียงเพราะต้องการให้หลวงพ่อสึกเท่านั้น

สำหรับพระลูกวัดและชาวบ้านในพื้นที่ก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย มีทั้งฝ่ายที่เชื่อและไม่เชื่อ แต่ตนเชื่อว่าหลวงพ่อเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งในส่วนของ พระนัทธี สิริจนฺโท หรือ พระโอ๊ต พระลูกวัด ก็มีประวัติที่ไม่ดี ประกอบกับที่ผ่านมาพระลูกวัดรูปอื่นๆ ก็ยังคงเห็นสามเณรรูปดังกล่าวปฏิบัติกิจตามปกติ ไม่ได้ถูกกักขังหน่วงเหนียวตามที่พระโอ๊ตกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ญาติของ นายวินัย ฟักเขียว หรืออดีตเจ้าอาวาส ได้เตรียมหลักทรัพย์ในการยื่นขอประกันตัวไว้จำนวน 900,000 บาท

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปขอพบกับ พระครูกาญจนสุตาคม เจ้าอาวาสวัดวังขนายทายิการาม และเป็นเจ้าคณะอำเภอ ได้กล่าวว่า ปกติการที่จะมีการลาสิขานั้นจะต้องมีการกล่าวกรรมวาจาด้วยตนเอง แต่การที่อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทาราม ไม่ยินยอมตนเองได้ชี้แจงว่า มันมีหมายศาลออกมาแล้วเป็นคดีอาญา จะเอาพระห่อผ้าเหลืองไปกักขังได้อย่างไร ไม่สมควร และการห่มผ้าขาวก็ไม่ได้ไปบังคับเขาไปนุ่งเอง มีพยานหลายคนอยู่ด้วย

สำหรับการที่จะขาดจากพระหรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ที่ห่มผ้าเหลือง ผ้าขาว อยู่ที่การปฏิบัติตนเองเท่านั้น และในเรื่องที่ว่าปาราชิกหรือไม่ เท่าที่ฟังจากชาวบ้านส่วนใหญ่นั้น มันขาดจากการเป็นพระมานานแล้ว ไม่ใช่เณรรูปนี้เดียว เมื่อเกิดปัญหานี้แล้วก็ได้ให้ทางเจ้าคณะตำบลเสนอเรื่องขึ้นมา เพื่อเสนอไปยังเจ้าคณะจังหวัดตามขั้นตอนการปลดจากเจ้าอาวาสวัดอินทาราม เบื้องต้นให้เจ้าคณะตำบลดูแลรักษาการณ์ไปก่อน

ส่วนการที่จะตั้งเจ้าอาวาสองค์ใหม่นั้นต้องให้ประชาชนชาวหนองขาวรับได้ด้วย เพราะชาวหนองขาวต่างกับพื้นที่อื่นๆ เขาเป็นหมู่บ้านใหญ่ และวัดอินทาราม เป็นวัดเก่าแก่มานาน มีปัญหาเช่นนี้มาหลายรูป แต่เป็นลูกหนองขาว ที่เจ้าอาวาสรูปนี้กระทำชาวหนองขาวก็ทนกล้ำกลืนพูดไม่ออกกับเจ้าอาวาสองค์นี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เณรรูปนี้มีมาหลายรูปแล้ว

หลังจากนี้ไปต้องสังคายนาใหม่ ต้องมีกรรมการของวัด แต่เดิมเจ้าอาวาสก่อนหน้านี้ก็มี แต่มารูปนี้ทำไมไม่มีกรรมวัด รายได้มากมายที่ทราบมาเงินหายออกไปทางไหนบ้างไม่มีใครรู้ รู้เพียงเข้ามาจำนวนมาก กฐินปีหนึ่งหลายแสนบาท อื่นๆ อีก วัดแห่งนี้ดังในด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะรู้จักวัดนี้ดีมากๆ รายได้ต้องมีเข้ามาแต่ไม่รู้ออกไปทางใดบ้าง รักษาการเจ้าอาวาสต้องสังคายนาเรื่องนี้ สอบรายได้ตั้งแต่เจ้าอาวาสรูปที่ถูกปลดนี้เป็นมานับ 10 ปี เงินหายไปทางไหนบ้าง จะให้รักษาการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดูแลเงินเข้า – ออก เพื่อลดกระแสสังคม ต้องมีการตรวจสอบย้อนหลัง

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองขาว ได้นำตัว นายวินัย ฟักเขียว หรืออดีตอาวาสวัดอินทาราม (วัดหนองขาว) มาที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เพราะมีอัตราโทษสูง

ขณะที่มารดาและญาติ พร้อมด้วยทนายความส่วนตัวได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ที่เตรียมมาจำนวน 9 แสนบาท เพื่อขอประกันตัวสู้คดี ซึ่งศาลได้พิจารณาคำร้อง นานกว่า 1 ชั่วโมง ในที่สุดศาลได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวตามคำร้อง ซึ่งทำให้มารดาและญาติต่างผิดหวัง ซึ่งทางทนายความของอดีตเจ้าอาวาสจะได้เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งในวันพรุ่งนี้ต่อไป

 

 

 

 

 



 


 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.