เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ตามล่า! คนร้ายบุกเดี่ยวใช้ฆ้อน มีด ชิงทองกว่าครึ่งล้านห้างโลตัส


17 ธ.ค. 2566, 14:11



ตามล่า! คนร้ายบุกเดี่ยวใช้ฆ้อน มีด ชิงทองกว่าครึ่งล้านห้างโลตัส




 

      เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 16 ธันวาคม 2566 ร.ต.อ.พลาญชัย ชัยชนะ ร้อยเวร สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี  รับแจ้งมีเหตุ คนร้ายชิงทอง ภายในห้างโลตัสสาขาโพธาราม จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผกก. โพธาราม พ.ต.ท.บุญส่ง พันธ์จินดา จอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ปรัชญา เตชะ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พันธ์ฤกษ์ สร้อยทองมูล สว.สส.ได้รับทราบ ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยกำลังชุดสืบสวน สายตรวจรถยนต์ จยย. และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน  ที่เกิดเหตุเป็นร้านทองเยาวราช มังกรคู่ อยู่ปากทางเข้าห้างโลตัส ที่บริเวณเคาเตอร์พบกระจกตู้โชว์ถูกทุบแตก มีฆ้อนและปลอกมีดพกที่ทำจากกระดาษลัง ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

   จากการสอบถาม น.ส.ชยาภา เปลาเล  อายุ 37 ปี พนักงานหน้าร้านทองดังกล่าว เล่าให้ฟังด้วยอาการตกใจว่าตอนเกิดเหตุตนนั่งรอรับลูกค้าอยู่ จู่ๆคนร้ายก็เดินปรี่เข้ามาแล้วชักมีดยาวคล้ายสปาต้า และฆ้อนออกมา  ตนเห็นจึงรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้างและได้ยินเสียงกระจกแตก ตอนนั้นตนไปเรียกคนในห้างว่าคนร้ายปล้นร้านทอง ส่วนคนร้ายนั้นมีพลเมืองดีได้ถ่ายภาพไว้ได้ เป็นชายสวมหมวกแก๊ปสีส้ม เสื้อคลุมสีดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว  หลังก่อเหตุได้เดินออกไปขึ้นรถจยย.ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 ดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน  ส่วนทองที่คนร้ายได้ไปเป็นแหวนและกำไลข้อมือ น้ำหนักรวม 18.50 บาท มูลค่ากว่า 600000 บาท

   เบื้องต้น พ.ต.อ.ชัชชน  นราวุฒิพร  ผกก.สภ.โพธาราม  ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ออกตรวจสอบ กล้องวงจรปิด ตั้งแต่ ออกจากห้าง และไล่ตามเส้นทางที่คาดว่า คนร้ายจะใช้หลบหนี เบื้องต้น พบว่า คนร้าย หลังก่อเหตุแล้ว ยังอยู่ ในพื้นที่ สภ.โพธาราม เนื่องจาก ตรวจสอบ กล้องวงจร ตามสภ.ใกล้เคียง ยังไม่พบ คนร้าย ตามรูปประพัน ในกล้อง วงจรที่เข้ามาชิงทรัพย์ ในห้างโลตัส


 ล่าสุด พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผกก.สภ.โพธาราม ได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างราชบุรีกว่า30นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำไฟฉายและรถส่องสว่างมารวมกันที่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างโลตัส เพื่อค้นหาถุงมือยางสีฟ้า ซึ่งจากการแกะรอยของคนร้ายทราบว่าหลังก่อเหตุได้ขับรถหลบหนีไปเส้นทางการหนี ออกจากห้างเลี้ยวซ้าย และไปเลี้ยวซ้ายตรงวงเวียนม้า จากนั้นได้ขับรถมุ่งหน้าข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ลงสะพานเลี้ยวขวาไปทางวัดขนอน ซึ่งกล้องวงจรปิดของอู่ซ่อมรถใกล้เคียงวัดเกาะได้จับภาพได้ แต่ถุงมือไม่มีแล้ว จึงเชื่อว่าคนร้ายได้ถอดถุงมือและทิ้งระหว่างทาง ส่วนกล้องที่เลยขึ้นมาใกล้เคียงวัดขนอน ไม่พบคนร้ายขับผ่าน จึงมั่นใจว่าคนร้ายเลี้ยวซ้ายตรงข้ามวัดเกาะ เพื่อหลบสายตาชาวบ้านและหลบกล้อง

   ทางกู้ภัยจึงระดมการค้นหา จนเมื่อเวลา23.45 น.พบถุงมือยางสีฟ้าลักษณะตรงกัน โดยเจอที่ริมคลองชล ม.4 ต.สร้อยฟ้า จึงนำมาเป็นหลักฐานและจะได้ส่งถุงมือไปตรวจดีเอ็นเอ สำหรับถุงมือยางสีฟ้า ทีมกู้ภัยสว่างได้เปิดเผยว่าถุงยางสีฟ้านี้ส่วนใหญ่คนที่ใช้จะเป็นพวกร้านสักยันต์ เพราะว่ามีความหนา ไม่มีแป้ง เวลาเลิกใช้จะไม่มีแป้งตินมือ ส่วนทางกู้ภัยจะใช้สีขาวซึ่งมีแป้ง ทำงานง่าย แต่ก็ไม่แน่เสมอไปคนร้ายอาจไม่ได้เป็นช่างสัก อาจไปหาซื้อตามร้านมาใช้งานเพราะใช้สีฟ้าเวลาถอดทิ้งจะไม่มีคราบแป้ง

 









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.