เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2566  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขต ต.จาน  อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากทราบข่าวว่า มีแม่คนหนึ่งฐานะยากจนมาก แต่ว่าต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อต้องการให้ลูกสาวได้เรียนหนังสือ  เมื่อไปถึงได้พบบ้านสภาพเก่ามาก  โดยได้พบกับ นางวาริน  อายุ  48 ปี  กำลังติดไฟที่เตาไฟ  ซึ่งนางวารินได้นำเอาก้อนหิน 3 ก้อนมาวางทำเป็นเตา และนำเอาฟืนมาเป็นเชื้อไฟในการทำอาหาร  ซึ่งอุปกรณ์ในการทำอาหารค่อนข้างเก่ามากเป็นคราบดำเพราะควันไฟเนื่องจากใช้งานมานาน แทบไม่เหลือสภาพว่า นี้คือหม้อที่ใช้ในประกอบอาหาร โดยนางวาริน ได้ทำการหั่นผักที่เก็บมาจากในป่าใกล้บ้านเพื่อเตรียมที่จะทำเป็นอาหารง่าย ๆ สำหรับตนเองเพื่อกินประทังชีวิต  ส่วนภายในบ้านมีเสื้อผ้าและที่นอนเก่า ๆ กองรวมกันอยู่  ซึ่งนางวาริน ได้ใช้เป็นที่นอนพักผ่อน และมีกองฟางสำหรับเลี้ยงวัวกระจายอยู่ใกล้กับบริเวณบ้านด้วย

นางวาริน  อายุ  48 ปี คุณแม่นักสู้ชีวิตเพื่อลูกสาวเล่าด้วยอาการใบหน้าเศร้าหมองว่า ตนอยู่บ้านหลังนี้ตามลำพัง  เนื่องจากว่า ลูกชายหนีความยากจนไปทำงานรับจ้างอยู่ต่างจังหวัด ส่วนลูกสาวกำลังเรียนระดับปริญญาตรีอยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ ตนอยู่บ้านเลี้ยงวัว เป็นวัวพระราชทานตามโครงการของในหลวงรัชกาลที่ 9 นอกจากนี้ก็รับจ้างทั่วไป มีใครบอกให้ไปทำงานช่วยก็ไปทำ ซึ่งการที่ลูกเรียนระดับมหาวิทยาลัยนี้ทำให้ตนลำบากมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงมาก ตนไม่มีเงินรายได้ทางอื่นมาช่วย บางทีช่วงเก็บพริกก็ไปรับจ้างเก็บพริก ก่อนนี้ก็รับจ้างเกี่ยวข้าวด้วยมือ แต่เดี๋ยวนี้มีรถเกี่ยวข้าวทำให้ไม่มีงานรับจ้างเกี่ยวข้าวทำแล้ว  การที่ลูกสาวไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยแบบนี้ตนต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับลูกสาว ได้เอารถมอเตอร์ไซต์ไปเข้าไฟแนนซ์  ลูกชายทำงานอยู่ต่างจังหวัดได้ส่งเงินมาให้ ก็เหลือไว้ให้ลูกสาวได้เรียนหนังสือ ลูกสาวของตนต้องการเรียนหนังสือมาก  แต่ว่าขณะนี้เงินก็ไม่พอใช้ ตนต้องไปกู้เงินนอกระบบในหมู่บ้านมาให้ลูกสาวเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน โดยกู้เงินนอกระบบมาครั้งละ 5,000 – 20,000 บาท ตามแต่ความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินของลูกสาวในการเรียน นายทุนคิดค่าดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาท ซึ่งการที่ตนต้องกู้เงินนอกระบบมาเพื่อต้องการให้ลูกสาวได้เรียนหนังสือโดยเฉพาะ  เพราะว่าลูกสาวมีความจำเป็นมาก จะต้องใช้จ่ายเงินเป็นค่าห้องพักค่าใช้จ่ายอื่นๆ  ซึ่งลูกสาวของตนจะใช้เงินอย่างประหยัดมาก และลูกสาวจะใช้เวลาหลังเลิกเรียนไปรับจ้างทำงานสุจริตหารายได้เพิ่มเป็นค่าใช้จ่ายด้วย  ลูกสาวของตนได้ขอกู้เงินจากกองทุน กยศ.ด้วย หากไม่ได้เงินกู้ของ กยศ.ลูกสาวของตนก็คงจะไม่ได้เรียนจนสำเร็จระดับปริญญาตรี เพราะว่าตนไม่มีปัญญาส่งลูกเรียน ค่าเทอมก็ค่อนข้างสูง  ตนขอกราบวิงวอนถึงท่าน เศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังว่า กราบขอวอนท่านนายกรัฐมนตรีขอให้เห็นใจลูกหลานที่ยากจนมาก ขอให้ช่วยเหลือลูกของตนในการเล่าเรียนให้จบด้วย  ถ้าไม่มีเงินกู้ยืมของ กยศ.ลูกสาวของตนคงจะไม่สามารถที่จะเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรีได้