เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



รมช.คค. พร้อมคณะ ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง เร่งตรวจสอบที่มาสารเคมีในตู้คอนเทนเนอร์


30 พ.ค. 2562, 18:31



รมช.คค. พร้อมคณะ ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง เร่งตรวจสอบที่มาสารเคมีในตู้คอนเทนเนอร์




วันนี้ (30 พ.ค. 62) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะลงพื้นที่ท่าเทียบเรือ A2 ในท่าเรือแหลมฉบัง หลังเกิดเหตุตู้สินค้าบรรจุสารเคมีเกิดระเบิด ไฟไหม้ขึ้นส่งผลเกิดสารเคมีลอยฟุ้งกระจายไปยังรอบๆ บริเวณท่าเรือแหลมฉบังเป็นระยะทางกว่า 5 กม. ทำให้ประชาชนที่อยู่อาศัยโดยรอบท่าเรือได้รับผลกระทบกว่า 1,300 คน ทรัพย์สินเสียหายอีกเป็นจำนวนมาก โดยมีเรือโทยุทธนา โมกขาว ผอ.ท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวรายงานและสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทางด้าน นายไพรินทร์ ชูชิตถาวร รมช. คมนาคม ได้กล่าวว่า การมาตรวจพื้นที่เกิดเหตุในครั้งนี้ใด้เร่งให้ผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรมควบคุมมลพิษ กรมเจ้าท่า การท่าเรือแห่งประเทศไทยตรวจสอบสาเหตุที่มาของสารเคมีในตู้คอนเทนเนอร์ที่เกิดเพลิงไหม้ บริเวณท่าเรือ แหลมฉบัง ขณะที่เจ้าของตู้ยอมรับบรรทุกสารเคมี 2 ชนิด คือ ผงแคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ และสารคลอริเนเตท พาราฟิน แวกซ์

ด้าน นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือ A2 ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ว่า คพ.พร้อมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 และสำนักงานทรัพยากรกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี และ ปภ.ชลบุรี กรณีเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง พบว่าสารเคมีที่บรรทุกมา มีผงแคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ (calcium hypochlorite )13 ตู้คอนเทนเนอร์ สารคลอริเนเตท พาราฟิน แวกซ์ แบบของเหลว จำนวน 5 แทงค์ ซึ่งเกิดเพลิงไหม้บางแทงค์ โดยกองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย และศูนย์ควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง ได้ติดตามตรวจสอบผลกระทบเพิ่มเติม

นอกจากนี้มีรายงานว่าสารเคมีที่พบในตู้คอนเทนเนอร์ ไม่มีการสำแดงนำเข้ามาในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งสอบสวนหาแหล่งที่มาของสารเคมีดังกล่าว ส่วนประชาชนผู้ได้รับผลกระทบที่ได้ลงทะเบียนไว้ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาให้ครบทุกราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญของประเทศให้มีศักยภาพด้านการขนส่งสินค้าทางน้ำในภูมิภาคกลับคืนมาโดยเร็ว

 









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.